LIV GOLF รายการแข่งขันกีฬากอล์ฟ ที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคน จะได้รับเงินรางวัล รายการแข่งขันดังกล่าว ที่ได้เงินทุนจาก ประเทศซาอุดีอาระเบีย
LIV GOLF ถือว่าเป็นรายการ ที่สั่นสะเทือนมูลค่าเงินรางวัล ของวงการกอล์ฟระดับโลก อีกทั้งยังออกมาพูดว่า จะมาแทนที่รายการ PGA TOUR และ lpga อย่างเปิดเผย สิ่งที่น่าจับตามองไปกว่านั้นก็คือ รายการแข่งขันดังกล่าว ที่ได้เงินทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกำลังเป็นกระแสและถูกจับตามอง ในความต้องการ ที่จะนำกีฬามากลบปัญหา ละเมิดสิทธิมนุษยชน
หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 มีข่าวลือที่ออกจากสำนักข่าวกีฬาต่าง ๆ ถึงแผนการริเริ่ม รายการแข่งขันกอล์ฟ ที่กลายเป็นคู่แข่งของ PGA TOUR รายการแข่งขันกอล์ฟ ที่ได้รับความนิยมระดับโลก
LIV GOLF โดยมีต้นกำเนิดจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าว ยังไม่ได้ออกมา อย่างเป็นทางการ
จนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่หลายคนได้รู้จักกับ รายการแข่งขันกอล์ฟ น้องใหม่ของวงการliv golf คือ อะไร ชื่อของรายการ ลิฟ กอล์ฟ นั้น เป็นรายการแข่งขัน ที่จัดขึ้นมาโดย Public Investment Fund หรือกองทุนเพื่อการลงทุน ในแต่ละรัฐของ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ให้การสนับสนุนเงินรางวัล
ซึ่งกองทุนดังกล่าว ก็คือกองทุนสำหรับการลงทุนของรัฐ เรียกได้ว่ามีมูลค่ามากที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ประมาณ 7.3 แสนล้านบาท หรือ 34 ล้านล้านบาท
โดยทาง Public Investment Fund หรือ PIF มีการส่งเสริมเงินมูลค่ามหาศาล ให้กับวงการกีฬา ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งกรณีที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือ การเข้าซื้อกิจการ สโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อปลายปีที่แล้ว
เพียงได้ยินเพียงแค่ว่า ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้เข้ามามีบทบาท ในวงการกอล์ฟระดับโลก ก็อาจจะทำให้ชื่อรายการ แข่งขันกอล์ฟดังกล่าว เป็นที่สนใจในวงกว้าง
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ของการแข่งขันรายการนี้ ที่สำคัญมากกว่า เงินรางวัลแล้วก็คงจะเป็น รูปแบบของแข่งขัน ที่ไม่ได้กินระยะเวลา ที่นานจนข้ามปี และรายการดังกล่าว มีระยะการแข่งขันแค่ 7 สนาม และจบการแข่งขันภายใน 3 เดือน ซึ่งผู้ชนะคว้ารางวัล มูลค่าสูงถึง 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,300 ล้านบาท
และเพื่อทำให้การแข่งขัน ในรายการดังกล่าว อยู่ในระดับโลกอย่างแน่นอน โดยรายการนี้ มีการจัดแข่งขัน เวียนไปถึง 3 ทวีป อย่าง ยุโรป, อเมริกาเหนือ และเอเชีย ซึ่งในสนามที่ 5 ของการแข่งขัน ได้มาจัดขึ้นที่ สนามกอล์ฟ stonehill จังหวัดปทุมธานี ประเทศไทย
ไม่เพียงเท่านี้ รายการดังกล่าว ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะ ก็คือปรับเปลี่ยน การจัดให้นักกอล์ฟ เข้าแข่งขันในสนามแบบเป็นรอบ ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ นักกอล์ฟที่เข้าร่วม แข่งขันจำนวน 50 คน ได้ลงแข่งขันในสนาม พร้อมกันหมด
โดยแต่ละคน จะเริ่มเล่นตามหลุมที่ไม่เหมือนกัน หากจะพูดให้เห็นภาพก็คือ นักกอล์ฟ อาจจะไม่ได้เริ่มการแข่งขัน ที่หลุม 1 ไปจนถึงหลุมที่ 18 เหมือนกับรายการอื่น ๆ
พอให้นักกอล์ฟ เริ่มการแข่งขัน ในหลุมที่ไม่เหมือนกัน การจัดระบบให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด แข่งขันในสนามพร้อมกัน สามารถทำได้ไม่ยาก และยังทำให้ระยะเวลา ที่จะสรุปคะแนนนั้น เร็วขึ้นอีกด้วย
อีกทั้งยังไม่มีระบบ ที่จะต้อง คัดนักกอล์ฟ ที่ทำคะแนนได้ไม่ดี ออกไปก่อนที่จะจบการแข่งขัน ซึ่งเท่ากับว่า ผู้เข้าแข่งขันในแต่ละรายการของ ลิฟ กอล์ฟ จะได้เล่นครบทั้ง 3 วันอย่างแน่นอน ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่ง จนต้องออกจาก การแข่งขันไปเสียก่อน
ซึ่งการแข่งขัน ที่เป็นประเภทรายบุคคล จะจัดขึ้นทั้งหมด 8 สนาม ซึ่งแต่ละสนาม ก็จะต้องชิงเงินรางวัล ที่มีมูลค่าสูงถึง 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 920 ล้านบาท โดยจะมีการแบ่ง ออกเป็นสองกอง กองแรกจำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จะมีการแบ่งสัดส่วน ตามอันดับของนักกอล์ฟ ที่ได้ลงช่วงชิงกันในแต่ละสนาม และผู้ที่ชนะก็จะได้เงินรางวัล 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 150 ล้านบาทไปครอง และกองที่สองจะเป็น เงินจำนวน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะเป็นรางวัลสำหรับ 3 ทีม ที่มีคะแนนดีที่สุด ของแต่ละสนาม หลังจากที่จบ การแข่งขันทั้งหมด 8 สนาม
นักกอล์ฟที่สามารถ ทำคะแนนสูง ติด 1 ใน 3 ก็จะได้เงินรางวัลกันไปทุกคน ซึ่งผู้ที่สามารถคว้าแชมป์ จะได้เงินรางวัล มูลค่าสูงถึง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 742 ล้านบาท
รางวัลที่สองและสาม จะได้รับเงินอยู่ที่ 9 และ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากจะคิดรวมเงินรางวัลพิเศษทั้งหมด ในการแข่งขันกอล์ฟ รายการดังกล่าว จะมีมูลค่าเงินรางวัลมากกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย คือมากกว่า 2,000 ล้านบาทนั่นเอง
แต่สิ่งที่ได้พูดถึงมาทั้งหมดนี้ ยังไม่ใช่ไฮไลต์ที่น่าสนใจของ การแข่งขันรายการดังกล่าว เนื่องจากในสนามที่ 8 ซึ่งเป็นสนามสุดท้าย ของการแข่งขัน เรียกได้ว่าคือการแข่งขัน ในประเภททีม โดยจะแบ่งนักกอล์ฟ 50 คน ออกเป็น 14 ทีม และลงสนามเพื่อ ช่วงชิงเงินรางวัลทั้ง 5 วัน เพื่อค้นหาทีมที่จะสามารถ คว้าแชมป์ ในรายการนี้ไปได้
โดยทีมที่ชนะ จะได้รับเงินรางวัล ที่มูลค่าสูงถึง 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 578 ล้านบาท ส่วนทีมอื่น ๆ ก็จะได้รับเงินรางวัล ลดหลั่นลงไปตามอันดับ แม้แต่ทีมที่อยู่ในอันดับสุดท้าย ก็ยังได้รับเงินรางวัลไปด้วยเช่นกัน
ติดตาม วอลเลย์บอลไทยจีน กันต่อได้ที่ >>> บทความกีฬาที่น่าสนใจ
เรียบเรียงโดย อลิส