3นักเตะอาร์เจน กว่าจะมาเป็นดาวเด่นในอาเจน พวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

3นักเตะอาร์เจน ที่เราคัดมาให้คุณรู้จักพวกเขามากขึ้น มาดูกันเลยดีกว่า

ว่าด้วยเรื่องของ 3นักเตะอาร์เจน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งผลให้ ทีมชาติ อา ร์ เจน ติ น่า ล่าสุด ในที่สุดค่ะ นวนิยายฟุตบอลเรื่องนี้ ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบมาก ๆ นะคะ สำหรับทีมฟตบอลชื่อดัง ที่เรียกได้ว่ากึกก้องไปทั่วโลก รวมถึงได้ใจแฟน ๆ บอลทั่วโลก เรามารู้จักอาร์เจนติน่าให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่า

สำหรับประเทศนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาร์เจนตินาอยู่ทวีปอะไร สำหรับประเทศนี้นั้น อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอเมริกาใต้เลยทีเดียวค่ะ ซึ่งประเทศนี้บอกเลยว่าโดดเด่นมาก ๆ ทั้งเรื่องที่เที่ยว และการกีฬา เพื่อน ๆ เชื่อไหมว่า อาร์เจนติน่านั้น ได้เคยเป็นแชมป์บอลโลก มากถึง 3 ครั้ง

โอ้วว อาร์เจนติน่าแชมป์โลกกี่สมัย อลิสได้ข้อมูลมาค่ะว่าเป็นปี 1978 , 1986 และ 2022 ซึ่งปีล่าสุด ถือว่าเป็นปีนี้ หลาย ๆ คนจดจำในหลาย ๆ ช็อตที่เกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้ค่ะ มาต่อกันเลยดีกว่า ว่าสำหรับ 3นักเตะอาร์เจน ที่คุณต้องรู้จัก!

3นักเตะอาร์เจน ลิโอเนล เมสซิ คว้าถ้วยฟุตบอลโลก ถ้วยที่เขารอคอยมาตลอดชีวิตได้สำเร็จ ตลอดเส้นทางของเมสซี่นั้น ผ่านอะไรมาบ้าง และเส้นทางที่พาเขามาสู่จุดที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา มีอะไรที่น่าสนใจติดตามกันได้เลย

3นักเตะอาร์เจน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาค่ะ เมสซี่คือยอดนักเตะ ที่ถูกตั้งคำถามว่า ดีที่สุดจริงหรือเปล่า

บทความกีฬาที่น่าสนใจ เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก แล้วจะเทียบเท่า มาราโดนา ได้ไหม แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าตัวจะประสบความสำเร็จสูงสุด กับบาร์เซโลน่า และปารีสแซงต์แชร์กแมง แต่ก็มีตำหนิเพียงจุดเดียว คือเขาไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลกเลย

อย่างไรก็ตาม แชมป์บอลโลก2022 การรอคอยอันยาวนานสิ้นสุดลงแล้ว หลังเมสซี่และทีมชาติ อาเจนติน่า ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ คว้าถ้วยฟุต บอล โลก 2022 ได้สำเร็จ จากการดวลจุดโทษเอาชนะ ฝรั่งเศส หลังเสมอกันในเวลา 3 – 3 และคนที่ยิ้มได้กว้างที่สุด ในค่ำคืนที่ผ่านมา จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลิโอเนล เมสซิ

3นักเตะอาร์เจน สำหรับเขาค่ะ มันคือถ้วยแชมป์ที่สำคัญมากกว่า ที่ใครหลายคนคาดคิดเอาไว้ มันปลดล็อกทุกอย่างภายในใจของเขา และเป็นเครื่องยืนยันว่า ทุกคำถามที่โลกสงสัยจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นค่ะวันนี้ ย้อนดูเส้นทางของเมสซี่กันหน่อยดีกว่าค่ะ ว่ากว่าจะถึงจุดนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง

เมสซี่เริ่มต้นจากการเป็น โกลเด้นบอย สุดยอดแข้งระดับโลกค่ะ ลิโอเนล เมสซิ จากเด็กหนุ่มตัวเล็ก ที่มีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เกี่ยวกับภาวะขาดฮอร์โมนในการเติบโต จากนั้นค่ะ เขาก็เดินทางจาก อาร์เจนตินา เมืองหลวง มาสู่ประเทศสเปน เพื่อเซ็นสัญญาเข้าอะคาเดมี่ของบาร์เซโลน่า

โดยทัพเจ้าบุญทุ่ม ยืนยันว่า ยินดีช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ ด้วยการออกค่ารักษาให้ทั้งหมด เมสซี่อยู่กับทีมเยาวชนบาซ่า ตั้งแต่อายุ 13 ปี ก่อนจะเติบโตขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุ 17 ปีเท่านั้นค่ะ จากนั้นค่ะ

อาร์เจนติน่า ล่าสุด

เจ้าตัวก็แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่น จนโรนัลดินโญ่ เคยประกาศให้โลก ต้องตะลึงด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า เด็กคนนี้โตไปจะเก่งกว่าผม โรนัลดินโญ่เรื่องกล่าว แล้วก็บอกว่า ผมพยายามดูแลเมสซี่อย่างที่ โรนัลโด้ อาร์นาย ดูแลผม ผมรู้สึกชื่นชมโรนัลโด้ และผมต้องการให้ลีโอ รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

เมสซี่ขี้อายมาก ขี้เขิน แต่ก็เป็นนักเตะที่เก่งมากด้วย บ้านของเราอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ผมมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเขา และครอบครัวของเขา ผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้น ว่าเขาจะเป็นผู้เล่นที่ดีกว่าผมแน่ ๆ นี่คือข้อความของโรนัลดินโญ่

3นักเตะอาร์เจน กับอีกหนึ่งนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ความโดดเด่นของเมสซี่ ตอนยังเป็นดาวรุ่งเนี่ย มาประสบความสำเร็จที่สเปน พยายามติดต่อเจ้าตัว ให้ไปเล่นที่ทีมชาติชุดเยาวชนของพวกเขา แต่ว่าเมสซี่ตอนนั้นปฏิเสธ เพราะว่าเขาต้องการลงเล่น ให้กับประเทศบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า เท่านั้น

ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป เมสซี่ก็เริ่มพีคขึ้นเรื่อย ๆ กับทางบาร์เซโลน่าและทัพฟ้าขาว เขาเคยยิงทีเดียวถึง 6 ประตูนะ พาอาร์เจนตินาชุดเล็ก คว้าแชมป์เยาวชนมาแล้ว แต่ถ้วยแชมป์ที่สำคัญที่สุด เกิดขึ้นในปี 2008 เม ส ซี ซี่ ในวัย 21 ปีเป็นส่วนหนึ่งของ ทีมชาติอาเจนติน่า ชุด U23 และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของผลงาน ผู้เล่นที่โดดเด่น ที่สร้างผลงานให้กับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ถือเป็นความภาคภูมิใจ ของทีมชาติ อาร์เจนตินาสุด ๆ

ช่วงเวลาที่ฝังใจของ อังเฆล ดิ มาริอา จะเป็นช่วงเวลาไหนกันนะ

มาต่อกันที่นักเตะ คนสำคัญอีกท่านหนึ่งกันบ้างอย่าง อังเฆล ดิ มาริอา ว่าเป็นมิสเตอร์ไฟนอล หรือว่าเป็นคนที่เล่นได้โดดเด่น เกิดมาเพื่อเล่นนัดชิงชนะเลิศนะคะ หลายครั้งหลายหนนะคะ ที่ทีมที่เขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทีมระดับสโมสร หรือว่าทีมชาติเนี่ยจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ

แต่ว่ามันมีนัดชิงอยู่นัดนึงค่ะ ที่มันติดอยู่ในใจของ ดิ มาริอา ที่เขาไม่ได้ลงสนาม นั่นคือศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่อาร์เจนติน่าพบกับเยอรมัน วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นนะคะ ทำไมดิ มาริอาถึงไม่ได้ลงสนาม แล้ววันนั้นน่ะ เขาพร้อมจริงหรือเปล่าที่จะลงสนาม ล่าสุด ดิ มาริอาได้ไปให้สัมภาษณ์เปิดใจ ถึงเรื่องนี้ อังเฆล ดิ มาริอาเป็นตัวหลัก ของทีมชาติอาร์เจนตินามามากกว่า 10 ปี

แล้วก็อยู่กับสโมสรระดับยักษ์ใหญ่มากมาย ทั้งเรอัลมาดริด ทั้งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือว่าปารีสแซงต์แชร์กแมง แล้วก็มีผลงานที่โดดเด่น ปีที่ดีที่สุดของ ดิ มาริอา น่าจะเป็นในปี 2014 ค่ะ ที่เขาปรับบทบาทจากเล่น ตัวรุกด้านข้าง มาเล่นในตำแหน่งกองกลาง แล้วก็ช่วยให้เรอัลมาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้

อาเจนติน่า

อาร์เจนติน่า ล่าสุด โดยในนัดชิงชนะเลิศ พี่ราชันชุดขาว เอาชนะแอตเลติโกมาดริด ตัวของ ดิ มาริอา ก็เล่นได้อย่างโดดเด่น จนคว้า รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ได้

และก็เป็นโมเมนตัมที่ดี กับการไปสู่ฟุตบอลโลกในปีนั้น ดิ มาริอาไม่ได้อย่างโดดเด่น เขาช่วยให้อาร์เจนตินาผ่านเข้ารอบมาเรื่อย ๆ ผ่านเข้ารอบแรกมาแบบไม่มีปัญหา ผ่านรอบที่ 2 มา แต่ว่าประเด็นก็คือว่า ในการแข่งขันรอบน็อกเอาท์นี้ค่ะ ดิ มาริอามีอาการบาดเจ็บ แล้วก็อาจจะต้องพลาด การลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ

ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า ในคราวนั้นอาร์เจนตินา แพ้ให้กับเยอรมัน โดยที่ ดิ มาริอาไม่สามารถลงสนามได้ ทีนี้เราก็เข้าใจกันว่า เขาเจ็บหนักจนไม่สามารถลงได้ แต่ว่าความจริงแล้ว ดิ มาริอา ยอมรับว่าอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนั้น มันเสี่ยงได้ เขาพร้อมที่จะเสี่ยง

มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะลงได้แต่ว่า เพราะเอกสารจากเรอัลมาดริด 1 ฉบับ มันทำให้ทุกอย่างจบลง เอกสารที่ว่า ก็ต้องเล่าเรื่องไปก่อนว่า ดิ มาริอา ย้อนว่าในตอนนั้น เขากลับเข้ากับเรอัลมาดริดเนี่ย มันมาถึงทางตันแล้ว

เพราะว่าไม่สามารถเจรจา เรื่องของค่าเหนื่อย ในสัญญาฉบับใหม่ได้ ดิ มาริอาต้องการค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เรอัลมาดริดก็มองว่า และเขาจะเล่นได้ดีแต่ว่าสถานะความเป็นสตาร์เนี่ย เขาก็ยังดูเป็นน้องคนอื่นอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด อย่างการีม แบนเซมา และก็อีกหลาย ๆ คน หรือรวมถึงแกเร็ธเบล ที่ซื้อมาด้วยสถิติโลก

ย้อนรอย โอตาเมนดิ ถึงแม้จะไม่ใช่ กองหน้าอาร์เจนติน่า ยุค90 แต่ความสำเร็จของเขาในซีซั่น 2017-2018 จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ

3นักเตะอาร์เจน ช่วงเดือนธันวาคมในปีนั้น ซึ่งซิตี้สามารถพิชิตนิวคาสเซิลได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 1-0 ส่งผลให้ได้รับชัยชนะกว่า 18 นัดด้วย อันดับ 2 หน่วยจำนวนกว่า 15 คะแนน และได้รับรางวัล ด้วยการเซ็นสัญญากับ โอตาเมนดิ จากเป๊ป กวาดิโอล่า ผู้เล่นจำนวนหลายคนทีเดียว ก็ได้กล่าวถึงนิโก้ด้วยความเห็นที่ตรงกันว่า

เขาเป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว อีกทั้งยังเป็นนักเตะ ที่ทุกคนต่างก็เคารพแล้วก็ยำเกรง ด้วยความที่ว่าเขา เป็นคนที่สร้างความน่าทึ่งได้อย่างดี ให้กับเพื่อนร่วมทีมเสมอมา และเพื่อนร่วมทีมยังกล่าวอีกว่า เขาเป็นเพื่อนร่วม ทีม คนหนึ่ง ที่พวกเราไม่เคยพบมาก่อนในชีวิตนี้ เพื่อนร่วมทีมต่างก็ตอบไม่ได้เลยว่า หากไม่มี นิโก้ ทีมจะขึ้นมาอยู่บนจ่าฝูง บนตารางคะแนนได้หรือเปล่า

อาจจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา โอตาเมนดิ ก็ได้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทีเดียว จากการลงเล่นจำนวน 46 เกม เขาได้นำพาทีมซิตี้ ให้ได้รับแชมป์คาราบาวคัพ แล้วก็แชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย ด้วยความที่เขานั้นถนัดเล่นในเกมรับ

3นักเตะอาร์เจน

ส่งผลให้แผงหลังนั้น ได้รับการป้องกันอย่างแข็งแกร่ง ด้วยความที่เขามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ย่อมส่งผลให้ทีมซิตี้ มีความแข็งแกร่งมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว นอกจากนี้แล้ว เขายังสร้างสรรค์เกมได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยที่เขานั้น เป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็คที่ดีที่สุด ของทีมอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

และหากจะถามถึง ความผิดพลาดของเขาก็บอกได้เลยว่า ความผิดพลาดของเขานั้นมีน้อยมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นทั้ง ๆ ที่เขา ยังประสบการณ์บาดเจ็บอยู่ หรือว่าจะปะทะในช่วงลูกกลางอากาศ เขาก็สามารถโหม่งบล็อกได้เป็นอย่างดี หรือว่าจะเป็นลูกยิงสารพัด เขาก็สามารถบล็อกได้อย่างกล้าหาญทีเดียว

แต่ก็ยังมีผลงานคุณภาพอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการผ่านบอล ส่งผลให้กวาดิโอล่าชื่นชม และโปรดปรานเขาเป็นอย่างมาก อีกทั้งการทำงานในสนามนั้น ก็เป็นอะไรที่ง่ายมากขึ้นหากมีเขาอยู่ เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่ได้ทำหน้าที่เซนเตอร์ได้ดีเพียงอย่างเดียว สำหรับเกมบุกแล้วเขาก็เป็นตัวตั้งต้นที่ดี

สำหรับการผ่านบอลไปยังพื้นที่ที่สำคัญ เขาก็สามารถทำได้ดีอย่างมากอีกด้วย และนี่ก็เป็นความแตกต่างที่น่าทึ่งทีเดียว สำหรับโอตาเมนดิ ในสภาวะปกติผู้เล่นคนอื่น ที่จะเล่นเกมละก็ต้องเป็นตำแหน่งกองหลัง และในส่วนกองกลางนั้น ก็ต้องเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์ เพื่อทำเกมไปสู่แดนหน้านั่นเอง

แต่สำหรับชายคนนี้ ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ผู้เล่น เขาสามารถทำได้ดีทั้ง 2 ตำแหน่งเลยทีเดียว สำหรับกวาดิโอล่าปรัชญาของเขาที่แท้จริง มันก็คือการครองบอลนั่นเอง กล่าวได้ง่าย ๆ ว่าหากเราสามารถครองบอลได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไรเราได้ และทางกวาดิโอล่าเอง ก็เป็นโค้ชคนหนึ่งที่ส่งผลให้ทีมซิตี้

สามารถดำเนินเกมรุก ได้อย่างดุดันอย่างมาก และผลที่ตามมาก็คือ เปอร์เซ็นต์ของการครองบอลก็มีสูงตามไปด้วย และในปีที่ผ่านมา ก็สามารถแซงหน้าคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกได้เป็นอย่างดี สำหรับโอตาเมนดี้เอง ก็เป็นนักเตะรายแรก ของประวัติศาสตร์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่สามารถผ่านบอล และทำได้สำเร็จกว่า 3,000 ทีเดียว สถิติที่ดีที่สุดของการผ่านบอลของเขา นั่นก็คือ 3,074 ครั้ง

แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้ากับ ผลบอลสด7m ที่จะแสดงผลบอลสด ให้คุณได้อัปเดตกันตลอดทั้งวัน เพราะนอกจากผลบอลสดที่แนะนำแล้ว ยังคงมี เว็บพนันบอล ดีที่สุด ให้คุณได้สัมผัสความลุ้น แบบจ่ายจริง จ่ายเร็วได้ที่นี่

เขียนโดย ตะลิส

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top