ถ้าพูดถึงชื่อ โม ซาลาห์ คงไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่รู้จักชายคนนี้ ปีกตัวจี๊ดจากอียิปต์ที่ทำให้พรีเมียร์ลีกต้องจับตามองตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขาใส่เสื้อลิเวอร์พูลในปี 2017/18 ตอนนั้น ซาลาห์ไม่ได้มาแค่เล่นดี แต่เขาทุบสถิติยิงประตูในลีกแบบไม่เกรงใจรุ่นพี่ ด้วยการซัดไป 32 ประตูใน 38 เกม กลายเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูมากที่สุดในฤดูกาลเดียวแบบไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน! นี่ไม่ใช่แค่โชคหรือความบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขามีทั้งความเร็วระดับสายฟ้า การจบสกอร์ที่เฉียบขาด และการเล่นที่ชาญฉลาดจนทำให้คู่แข่งต้องปวดหัวทุกครั้งที่เจอเขาในสนาม
นอกจากจำนวนประตูที่เยอะจนน่าทึ่ง มักกา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังเป็นผู้เล่นที่มี อิทธิพลต่อเกมรุกของลิเวอร์พูล อย่างมหาศาล เขาสามารถสร้างสรรค์เกมได้ทั้งจากการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู หรือเลี้ยงบอลทะลุแนวรับคู่แข่งจนหมดทางป้องกัน ความสามารถของเขาทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2019/20 ได้สำเร็จ หลังจากที่ทีมรอคอยมานานถึง 30 ปี ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นที่เก่งในสนาม แต่ยังเป็นฮีโร่ในสายตาแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะชาวอียิปต์ที่มองเขาเป็นแรงบันดาลใจในการตามความฝันแบบไม่มีขีดจำกัด
โม ซาลาห์ ชายผู้สร้างปรากฏการณ์ในพรีเมียร์ลีก
ถ้าพูดถึงนักเตะที่เปลี่ยนโฉมหน้าพรีเมียร์ลีกในยุคปัจจุบัน โม ซาลาห์ ต้องติดอันดับต้น ๆ แบบไม่มีข้อสงสัย! ชายจากอียิปต์คนนี้เริ่มต้นด้วยการถูกมองว่าเป็น “ปีกที่ดีแต่ไม่สุด” สมัยเล่นให้เชลซี แต่เมื่อเขากลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในชุดลิเวอร์พูลปี 2017 ทุกคนถึงกับอึ้ง เพราะเขาระเบิดฟอร์มโหด ยิงกระจายแบบไม่มีใครหยุดได้ จนคว้ารางวัล รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลแรก ด้วยการซัดไป 32 ประตูในลีก ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในระบบ 38 นัด จนทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลกทันที
ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่คนยิงประตูเก่ง แต่เขายังเป็นเหมือน “หัวใจของทีม” ลิเวอร์พูลในยุคนี้ ด้วยสปีดที่เร็วปรอทแตกและสกิลการเลี้ยงบอลที่ทำให้กองหลังคู่แข่งหัวหมุนแทบทุกนัด โม ซาลาห์ ไม่ได้แค่ช่วยทีมคว้าชัยในสนาม แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ให้แฟนบอลทั่วโลกหันมาสนใจลีกอังกฤษมากขึ้น โดยเฉพาะแฟนบอลจากตะวันออกกลางที่มองเขาเป็น “ไอคอน” ของความสำเร็จและแรงบันดาลใจในการไล่ตามฝัน ทั้งในฐานะนักเตะและคนธรรมดาที่ไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเอง
เส้นทางสู่พรีเมียร์ลีก: จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่
โม ซาลาห์ อาจเป็นซูเปอร์สตาร์พรีเมียร์ลีกในวันนี้แล้ว โมฮาเหม็ดซาลาห์อยู่ประเทศอะไร นักเตะสัญชาติอิยิปต์แต่เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลยนะ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมเล็ก ๆ ในอียิปต์อย่าง เอล โมคาวลูน และด้วยฟอร์มที่โดดเด่นเกินวัย เขาถูกสโมสรจากยุโรปจับตามอง จนในที่สุดได้ย้ายไปเล่นในสวิตเซอร์แลนด์กับทีม บาเซิล ซึ่งเป็นก้าวแรกที่ทำให้ชื่อของซาลาห์เริ่มเป็นที่รู้จักในยุโรป เขาโชว์ฟอร์มเทพในลีกสวิส และพาทีมคว้าแชมป์จนไปเตะตาทีมใหญ่อย่าง เชลซี ในปี 2014 แต่การมาพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของเขาไม่ได้ง่ายเลย เพราะเขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม จนสุดท้ายต้องย้ายไป ฟิออเรนติน่า และ โรม่า ในอิตาลีเพื่อหาประสบการณ์ใหม่
ช่วงเวลาที่ซาลาห์อยู่ในเซเรีย อา คือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เขาเปลี่ยนจากนักเตะที่ถูกมองข้าม มาเป็น “ตัวจี๊ด” ที่ทั้งลีกต้องจับตา ซาลาห์ยิงประตู และทำแอสซิสต์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูลตัดสินใจดึงตัวกลับพรีเมียร์ลีกในปี 2017 ซึ่งคราวนี้ โม ซาลาห์ ไม่ได้กลับมาเพื่อเป็นตัวสำรองอีกต่อไป เขากลับมาในฐานะนักเตะที่พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ และในปีแรกกับลิเวอร์พูล เขาก็ทำให้ทุกคนรู้ว่า ซาลาห์คนเดิมที่เชลซีมองข้ามไป คือของจริง
เกมในตำนานของ โม ซาลาห์: สถิติที่กลายเป็นเรื่องเล่าขาน
หนึ่งในเกมที่แฟนบอลจะไม่มีวันลืมเกี่ยวกับ โม ซาลาห์ ต้องยกให้กับเกมที่ลิเวอร์พูลถล่ม วัตฟอร์ด 5-0 ในฤดูกาล 2017/18 ซึ่งซาลาห์จัดไปคนเดียว 4 ประตู พร้อม 1 แอสซิสต์! เกมนี้เป็นเหมือนการประกาศศักดาของเขาว่า เขาคือ “ของจริง” ในพรีเมียร์ลีก ลูกยิงของเขาในแมตช์นั้นไม่ใช่แค่จำนวน แต่แต่ละลูกเต็มไปด้วยเทคนิค การจบสกอร์เฉียบขาด และการใช้สปีดทำลายแนวรับคู่แข่งแบบไม่เกรงใจ ทำให้แม้แต่แฟนบอลทีมคู่แข่งยังต้องยอมรับในความเก่งของเขา
อีกเกมที่ต้องพูดถึงคือศึก แดงเดือด กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2021 ที่ซาลาห์กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำแฮตทริกในโอลด์ แทรฟฟอร์ด เกมนั้นจบด้วยสกอร์ 5-0 และซาลาห์ทำให้แนวรับแมนยูฯ ดูเหมือนเด็กฝึกงานไปเลย ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอลหลบหรือจบสกอร์ ซาลาห์แสดงให้เห็นว่าเขาคือนักเตะระดับโลกที่สามารถเปลี่ยนเกมใหญ่ให้เป็นเวทีโชว์ของตัวเอง สถิติที่เขาสร้างในเกมเหล่านี้ ไม่ได้แค่เขียนชื่อเขาในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แต่ยังกลายเป็นตำนานที่แฟนบอลจะพูดถึงไปอีกนาน
สถิติที่รอการทำลาย: เป้าหมายต่อไปของ โม ซาลาห์
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ศาสนา มุสลิม ซึ่งเขาไม่ได้แค่สร้างสถิติโหด ๆ แต่เขายังมีเป้าหมายใหม่ ๆ ที่รอให้เขาทำลายอีกเพียบ! หนึ่งในนั้นคือการไล่ล่าสถิติผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่ อลัน เชียเรอร์ ครองไว้ที่ 260 ประตู ซึ่งถึงจะดูห่างไกล แต่ด้วยฟอร์มสุดโหดและความคงเส้นคงวาของซาลาห์ โอกาสที่เขาจะไล่ทันก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ เขายังอาจสร้างสถิติใหม่ในเรื่องการยิงประตูต่อเนื่องและความเร็วในสนามที่หลายทีมต้องปวดหัวทุกครั้งที่เจอเขา ทุกครั้งที่ซาลาห์ลงสนาม ไม่ใช่แค่เกมการแข่งขัน แต่มันคือโอกาสที่จะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ของพรีเมียร์ลีก และเขาก็พร้อมที่จะลุยเพื่อเป็น “ตำนาน” แบบไม่มีข้อกังขา
จำนวนประตูที่น่าทึ่ง
ตอนนี้ โม ซาลาห์ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้วมากกว่า 150 ประตู และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่แค่นี้ เขากำลังไล่ล่าสถิติผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่ อลัน เชียเรอร์ ถือครองอยู่ที่ 260 ประตู แน่นอนว่ามันอาจดูไกล แต่ถ้าซาลาห์ยังรักษาฟอร์มโหดและความคงเส้นคงวาได้แบบทุกวันนี้ โอกาสที่จะทำลายสถิตินี้ก็ไม่ได้เป็นแค่ฝัน หลายคนมองว่า ถ้าเขายังเล่นให้ลิเวอร์พูลไปอีก 3-4 ฤดูกาล เขาอาจจะเขียนชื่อตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์ของลีกได้อีกครั้ง
การยิงประตูต่อเนื่อง
ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรทำประตู แต่เขายังมีความสามารถพิเศษในการยิงต่อเนื่องในเกมสำคัญ ๆ อย่างศึกแดงเดือดหรือแมตช์ใหญ่กับทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาเคยทำสถิติยิงประตูใน 10 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาคือคนที่กองหลังทุกทีมต้องกลัว การรักษาสถิติเหล่านี้ และเพิ่มจำนวนเกมยิงต่อเนื่องคืออีกเป้าหมายที่ซาลาห์น่าจะไล่ล่าในอนาคต เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวน แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในระดับท็อป
ความเร็วในสนาม
ข่าวซาร่า ลิเวอร์พูล ล่าสุด กับอีกหนึ่งจุดเด่นของซาลาห์คือ ความเร็วระดับสายฟ้า ที่สามารถเผาคู่แข่งได้แบบไม่มีใครทัน! เขาเคยถูกจับความเร็วได้สูงสุดถึง 35 กม./ชม. ในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่เร็วที่สุดในลีก ความเร็วนี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้เขาเลี้ยงบอลหนีคู่แข่ง แต่ยังทำให้เขาทำลายแนวรับได้ง่ายขึ้น เป้าหมายของซาลาห์อาจไม่ใช่แค่การรักษาความเร็วนี้ไว้ แต่การปรับปรุงความเร็วให้เข้ากับเทคนิคและการจบสกอร์คือสิ่งที่ทำให้เขาก้าวสู่การเป็น “ตำนาน” ที่สมบูรณ์แบบในวงการฟุตบอล
โม ซาลาห์ —จากนักเตะสู่ตำนาน
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ภาษาอังกฤษ Mohammed Salah Ghaly ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลธรรมดา แต่เขากลายเป็น “ตำนานที่ยังเล่นอยู่” ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่นที่หาได้ยากในยุคนี้ จากเด็กหนุ่มในอียิปต์ที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลระดับโลก ซาลาห์เดินทางไกลจากลีกในบ้านเกิดไปสู่วงการฟุตบอลยุโรป เขาเริ่มต้นสร้างชื่อในสวิตเซอร์แลนด์กับ บาเซิล ก่อนจะโดนเชลซีดึงตัวไป แม้ช่วงแรกในพรีเมียร์ลีกจะไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ซาลาห์ไม่เคยหยุดพัฒนา จนกระทั่งเขาได้โอกาสกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในชุดของ ลิเวอร์พูล และครั้งนี้เขาไม่ได้แค่พิสูจน์ตัวเอง แต่เขาทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องอ้าปากค้างกับฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้น
การที่ โม ซาลาห์ พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2019/20 หลังจากที่ทีมรอคอยมานานถึง 30 ปี เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของซาลาห์ในฐานะ “ตำนาน” ของสโมสรและลีก เขาไม่ได้แค่ยิงประตูเยอะ แต่ยังเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลในสนามทั้งเกมรุกและเกมรับ ซาลาห์ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในตะวันออกกลางที่มองเขาเป็นไอดอลของความสำเร็จ เขาแสดงให้เห็นว่าความพยายามและการไม่ยอมแพ้สามารถเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริงได้ โม ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่ฮีโร่ของลิเวอร์พูล แต่เขาคือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลที่ไม่มีวันถูกลบเลือน