เบื้องหลังการเทคโอเวอร์ของ เจ้าของสโมสรเชลซี คนใหม่

เราเคยพูดคุยถึงเรื่องราวของ เจ้าของสโมสรเชลซี กันมาบ้างแล้วในบทความก่อนหน้า ซึ่งหลายคนต่างก็ทราบกันดี ว่ามีกลุ่มทุนได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรดังอย่างเชลซี ที่ก่อนหน้าได้ คือนาย โรมัน อับราโมวิช เคยดูแลในฐานะ เจ้าของเชลซีคนเก่า และดันมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนมือ จาก เสี่ยหมี เชลซี ไปเป็น เจ้าของทีมเชลซีคนใหม่ ซึ่งตอนนั้นเป็นข่าวดังยิ่งกว่า ตํานานลิเวอร์พูล กองหลัง หรือ เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซะอีกนะคะ

และในบทความนี้เราจะได้มาทำความรู้จักว่า ใครกันบ้างที่เป็นเหล่ามหาเศรษฐี หรือบริษัทร่วมลงทุน และอยู่เบื้องหลังของการเทคโอเวอร์ สโมสรฟุตบอล เช ล ซี ในครั้งนี้ เพราะเรื่องราวของเขาสนุกไม่แพ้เรื่องราว แปลปกสลาก 16/6/67 เลยนะ

มีใครบ้างที่ถือว่ามีส่วนร่วมในในการเป็น เจ้าของสโมสรเชลซี

จากที่ทาง สโมสรฟุตบอล เช ล ซี เคยได้ออกมายืนยันแล้วว่า ขณะนี้ เจ้าของทีมเชลซีคนใหม่ ผู้มีอำนาจเต็มจากการตกลงซื้อขายหุ้นคือนาย ท็อดด์ โบห์ลี ที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มชายอเมริกันเข้ามาเพื่อดูแลทีมแทน เจ้าของเชลซีคนเก่า เขาคนนี้ก็คือ เจ้าของร่วมของทีมเบสบอล แอลเอ ดอดเจอร์ส ที่อยู่ในเมเจอร์ลีก เบสบอลของสหรัฐอเมริกา

และยังได้มีการกล่าวชื่อพ่วงท้ายที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ เจ้าของทีมเชลซีคนใหม่ ในครั้งนี้ด้วยซึ่งได้แก่ มาร์ก วอลเตอร์ เขาก็คืออีกหนึ่งนักธุรกิจชายอเมริกัน ที่มาด้วยกันกับนาย ฮานสยอร์ก ไวส์ เขาก็คือมหาเศรษฐีชาวสวิส ซึ่งการซื้อขายทีมในครั้งนี้ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 2,500 ล้านปอนด์หรือประมาณ 112,500.- ล้านบาทค่ะ

เจ้าของผู้ถือว่ามีอำนาจเต็มและทั่วโลกต่างก็ทราบแล้วว่าเขาคือ เจ้าของเชลซี Todd Boehly

จาก เจ้าของเชลซีคนเก่า เปลี่ยนถ่ายมาถึงเจ้าของใหม่คนนี้ถือว่าเขาคว่ำวอดอยู่ในธุรกิจ และแวดวงกีฬามาอย่างยาวนาน เขาคนนี้มีหุ้นอยู่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในทีมแอลเอ ดอดเจอร์ แชมป์เวิลด์ซีรีส์ถึง 7 สมัย อย่างที่เราได้เห็นสื่อต่างประเทศ ต่างก็รายงานกันมาแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีหุ้นอยู่ในทีมบาสเกตบอลหญิงลอสแองเจลิส สปาร์กส ซึ่งทั้งตัวเองและเพื่อนอย่างมาร์ก วอลเตอร์ ก็ยังมีหุ้นรวมกันถึง 27 กับทีมบาสเกตบอล ลอสแองเจลิส เลเกอร์สสังกัดเอ็นบีเออีกด้วยค่ะ

นอกจากเขาจะอยู่ในวงการกีฬาแล้ว เขายังทำธุรกิจในด้านอื่นๆ อีกคือในปี 2015 เขาได้เป็นผู้ก่อตั้ง Eldridges Industries ที่เป็นบริษัทโอลดิ้งคอมพานี ได้การลงทุนในธุรกิจด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต อสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงเทคโนโลยี และเขายังเป็นเจ้าของสิทธิ์ในเพลงของบรูช สปริงส์ทีน รวมไปถึงบริษัทพนันกีฬา ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมการเข้าไปลงทุนในบริษัท ที่เป็นเจ้าของในเครือของอาหารหลายแห่งอีกด้วยค่ะ

ผู้บริหาร กุกเกนไฮม์ พาร์ทเนอร์อย่าง Mark Walter

ในฐานะบอสใหญ่ที่บริหาร กุกเกนไฮม์ พาร์ทเนอร์ คือบริษัททางด้านการเงินที่มีสำนักงานอยู่ในรัฐนิวยอร์คและชิคาโกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาคนนี้มีทรัพย์สินอยู่ในความดูแลมากถึง 310,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และเขาคนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจาก โบห์ลี คือเป็นคนที่ชอบวงการกีฬาซึ่งก็ได้มีหุ้นอยู่ในทีมแอลเอ ดอดเจอร์ส และลอสแองเจลิส เลเกอร์ ซึ่งตอนปี 2012 ทางสื่อดังอย่างนิตยสาร swport Business Journal ได้เคยยกย่องให้เขาเป็น วอลเตอร์ คือบุคคลที่มีอิทธิพลเป็นอันดับที่ 8 ในแวดวงของการกีฬา

มหาเศรษฐีพันล้านชาวสวิส Hansjoerg Weiss ผู้มีส่วน สโมสรฟุตบอล เช ล ซี

ฮานส์จอร์ก ไวสส์ ก็คือมหาเศรษฐีระดับพันล้านชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีทรัพย์สินถึง 5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งความจริงแล้วเขาคนนี้ได้ร่ำรวยมาจากการขาย Synthes คือบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับองค์กรดังอย่าง Johnson&Johnson ตอนปี 2012 แถมยังยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทด้านไบโอเทค

ซึ่งคือ Novocure และ Molecular Partners นอกจากเขาจะเป็นบุคคลที่ถือว่าร่ำรวยแล้ว ยังได้คำยกย่องว่าเป็นบุคคลใจบุญอีกต่างหาก จนทำให้นิตยสารฟอร์บ ได้จัดอันดับให้เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีผู้ใจบุญที่สุดในโลกอีกด้วย และในตอนที่เขามีอายุ 86 ปีเขาเคยเป็นผู้ลงนามใน The Giving Pledge

ตอนปี 2013 เขาเคยมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่เพื่อการกุศล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขามักจะให้ความสำคัญ กับการบริจาคเงินช่วยเหลือทางด้านสิ่งแวดล้อมและวิทยาศาสตร์ และที่ผ่านมากองทุนการกุศลของเขาก็มีการบริจาคเงินไปแล้วมากถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วยค่ะ

สรุปแล้วผู้มีส่วนร่วมอย่างกลุ่มทุนที่เป็น เจ้าของสโมสรเชลซี คือ Clearlake Capital

จากการเปิดเผยว่าบุคคลที่เราได้กล่าวมาแล้ว เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเทคโอเวอร์ทีมดังอย่างเชลซี ซึ่งอยู่ภายใต้การทำสัญญากับกลุ่มทุน Clearlake Capital ก็คือบริษัททางด้านการลงทุนของหุ้นนอกตลาดของแคลิฟอร์เนีย และกลุ่มทุนนี้ก็เน้นไปที่การลงทุน ด้านซอฟท์แวร์และเทคโนโลยี มีโจเช อี เฟลิเซียโน รวมถึง บีฮดาด เอ็กห์เลลีคือผู้บริหาร

ซึ่งกลุ่มทุนนี้มีทรัพย์สินอยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมๆ แล้วคือประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้มีการเข้าไปลงทุนอีกมากมายซึ่งถ้าจะนับกันจริงๆ ก็คือมากกว่า 300 ธุรกิจกันเลยทีเดียว ซึ่งทั้งสามร้อยกว่าธุรกิจนี้ยังไม่ได้รวมถึงธุรกิจทางด้านการกีฬานะคะ

เรียกได้ว่าทีมเชลซีที่ได้ เจ้าของสโมสรเชลซี คนใหม่และกลุ่มทุนเข้ามาบริหารจัดการนี้ทำให้ทั้งนักเตะและ โค้ชเชลซี ที่รับรองได้ว่า ทีมเชลซีจะมีกำลังทางด้านการเงินเข้ามาสนับสนุนและทำให้ ผู้จัดการ ทีม เช ล ซี ล่าสุด สามารถบริหารทีมให้ได้ประสิทธิภาพพร้อม ที่จะขึ้นไปเป็นทีมแถวหน้าของลีกดังอังกฤษอย่างพรีเมียร์ลีกอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ