ติดตามบทสรุป เรื่องราวของ ฟุตบอลโลก 2018 ได้ที่นี่

ฟุตบอลโลก 2018 มีเรื่องอะไร ที่น่าสนใจและทำให้หลาย ๆ คน ลืมไม่ลง ตามมาดูกันเลย

ว่าด้วยเรื่องของผล ฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง สิ้นสุดไปแล้วสำหรับ มหกรรมฟุตบอล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างฟุตบอลโลกปี 2018 และก็แน่นอน หลังจบ Tournament ของฟุตบอลโลก แต่ละครั้งแล้วเนี่ย เขาก็จะมีการมอบรางวัลต่าง ๆ ของ ฟุตบอลโลก 2018 แชมป์ ให้กับ บรรดานักเตะและทีมที่ ทำผลงานได้ดี ในแต่ละหัวข้อ

ในวันนี้จะมาสรุปให้ดูกันเลย ว่ามีใครได้รางวัลอะไรบ้าง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อ้างอิงตาม ตารางบอลโลก 2018 เริ่มที่แชมป์กันก่อนเลย ต้องขอแสดงความยินดี กับแฟน ๆ ตราไก่ทีมชาติฝรั่งเศส ที่คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ซึ่งนี่ได้กลายเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของพวกเขา

จากการเข้าชิงทั้งหมด 3 ครั้ง ส่งผลให้ฝรั่งเศส กลายเป็นทีมลำดับที่ 3 ร่วมไปแล้ว ที่คว้าแชมป์โลกได้มากที่สุด เท่ากับอาร์เจนตินาและอุรุกวัย จะตามหลังก็แค่อิตาลีกับเยอรมัน ที่ได้แชมป์ไปกี่สมัย และเจ้าแห่งฟุตบอลโลก อย่างบราซิลที่ได้แชมป์ไป 5 สมัยเท่านั้นเอง

บทความกีฬาที่น่าสนใจ สำหรับรางวัลส่วนตัวต่าง ๆ เราขอเริ่มต้นที่รางวัลลูกบอลทองคำหรือ Golden Balls ซึ่งว่าง่าย ๆ นี่คือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเม้นเอง โดยผู้ที่ได้รับรางวัลได้แก่ ลูกา มอดริช เพลย์เมกเกอร์ ตัวเก่งของรองแชมป์โลกโครเอเชีย ที่เขาทำผลงานได้ดี และโดดเด่นมีมาตรฐาน

แม้ว่าจะแพ้ในรอบชิง แต่ฟอร์มยังน่าประทับใจ จนสามารถคว้ารางวัล มาครองได้สำเร็จ เป็นรางวัลใหญ่ ที่น่าภาคภูมิใจนะ แต่มันก็มีเรื่องที่น่าตกใจ เหมือนกัน นี่คือฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ติดต่อกันแล้ว ที่นักเตะที่ได้รับรางวัล Golden Balls เนี่ยมาจากทีม ที่ไม่ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิง

หรือว่านี่เป็นอาถรรพ์ นักฟุตบอล กันแน่ และเผื่อใครไม่ทราบนะ อันที่จริงเขามีการจัดอันดับ Silver Ball และ Bronze Ball ด้วย บอลเงินและบอลทองแดงนั่นเอง ซึ่งว่าง่าย ๆ นั่นก็คือ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมอันดับที่ 2 และอันดับที่ 3 โดยอันดับที่ 2 ครั้งนี้เป็น เอเดนอาซาร์ ของทีมชาติเบลเยียม และอันดับที่ 3 เป็น อองตวน กรีซมันน์

ของแชมป์โลกฝรั่งเศสนั่นเอง ต่อด้วยรางวัล Golden Boot หรือว่ารองเท้าทองคำ ซึ่งว่ากันง่าย ๆ นี่คือรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์นั่นเอง และบอลโลกครั้งนี้ ดาวซัลโวเป็น แฮร์รี เคน ของทีมชาติอังกฤษ ที่ซัดไปทั้งหมด 6 ประตูมากที่สุด ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

คว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ซึ่งไอจำนวน 6 ประตูเนี่ยนะ ได้กลายเป็นมาตรฐานของดาวซัลโวฟุตบอลโลกไปแล้ว อ้างอิงจาก บอลโลก 2018 ตาราง คะแนน อีกหน่อยใครยิงถึง 6 นี่โอกาสดาวซัลโวเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1978 เป็นต้นมาเนี่ย

มีแค่ฟุตบอลโลกปี 2002 เท่านั้น ที่ดาวซัลโวยิงถึง 8 ประตูและเป็นโรนัลโด้ของบราซิล แต่ที่เหลือนอกจากปี 2002 เนี่ย ฟุตบอลโลก 40 ปีหลังสุด ไม่มีครั้งไหน ที่ดาวซัลโวยิงเกิน 6 ประตู ไม่น่าเชื่อจริง ๆ และก็เหมือนกัน กับโกลเด้นบอลด้วยนะ

คือรางวัลนี้เนี่ยมีอันดับที่ 2 ที่ 3 เป็นรองเท้าเงินและรองเท้าทองแดง Silver Boot และ Bronze Boot และแม้ว่ารองดาวซัลโวที่ยิงได้ถึง 4 ประตูเนี่ย จะมีด้วยกันถึง 5 คน แต่อันดับที่ 2 และอันดับที่ 3 ก็ระบุตัวตนได้ชัดเจน อันดับที่ 2 เป็นคริสมัน

เขาทำได้อีก 2 แอสซิสต์ ส่วนอันดับที่ 3 เป็นลูกากูที่ทำได้อีก 1 แอสซิสต์ ส่วนอีก 3 คนอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เอ็มบัปเป้ แล้วก็ เชรีเชฟ ที่ยิงได้ 4 ประตูเนี่ยพวกเขาไม่ติดอันดับ เพราะว่าไม่มีแอสซิสต์นั่นเอง

รางวัลที่น่าสนใจ ฟุตบอลโลก2018 อย่าง Golden Glove นั้น มีนักเตะคนไหนบ้างที่ได้รางวัลนี้

จากนั้นเราไปดูรางวัลที่ 3 อย่าง Golden Glove หรือว่าถุงมือทองคำ ที่จะมอบให้กับ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ประจำฟุตบอลโลกนั่นเองจาก ทีม ฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งบอลโลก 2018 ผู้ได้รับรางวัลได้แก่ ตีโบ กูร์ตัว ผู้รักษาประตูทีมชาติเบลเยียม อันดับที่ 3 ของฟุตบอลโลกครั้งนี้

สำหรับรางวัลถุงมือทองคำเนี่ย ไม่ได้ให้กับผู้รักษาประตู ที่เสียประตูน้อยที่สุด หรือว่า คลีนชีทน้อยที่สุดนะ ไม่ได้กำหนดไว้อย่างนั้น แต่เขาเนี่ยจะวัดจากฟอร์มการเล่น FIFA มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ สำหรับล้างวันนี้โดยเฉพาะ ที่จะวิเคราะห์แบบเจาะลึก ในผู้รักษาประตูแต่ละคน

และก็ต้องบอกว่ากูร์ตัว กับบอลโลกครั้งนี้ เหมาะสมจริง ๆ เหนียวแน่นหนึบสุด ๆ โดยเฉพาะนัดที่เจอบราซิลเนี่ย อู้หู…ประทับใจมาก ๆ รางวัลต่อมา เป็นรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเม้นนั่นเอง แน่นอนนะว่าจะมอบให้กับ ดาวรุ่งที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุด ในฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง

ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิง แน่นอนว่าต้องมีรางวัลนี้ ซึ่งคำว่าดาวรุ่งในที่นี้คือจะต้องมีอายุไม่เกิน 21 ปี และแน่นอนปีนี้ไม่มีใครจริง ๆ เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวรุ่งวัย 19 ปีจากทีมแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสที่ได้ไป ถือว่าฟอร์มดีเกินอายุจริง ๆ นะ แถมการที่ยิงได้ 4 ประตูทั้งๆที่ไม่ใช่กองหน้า

แถมนี้เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขาเป็นอะไรที่มันสุดยอดมากเกินคำบรรยายจริง ๆ แล้วต้องบอกว่าอนาคตเนี่ยยังไง ยังไงก็ต้องตำนานแหละ ถือว่าเก่งเกินอายุไปไกลมาก ๆ นะ ตอนนี้เอ็มบัปเป้ และปิดท้ายกันด้วยรางวัล FIFA Fair Play Award

ซึ่งปีนี้เป็นทีมชาติสเปนนะ ที่คว้ารางวัล Fair Play Award ไปครอง หลาย ๆ คนเนี่ยอาจจะงงนะเหมือนกับใน ฟุตบอลโลก 2014 ว่ารางวัลนี้คืออะไรนะ ให้กันยังไงซึ่งคำตอบหลัก ๆ ก็สอดคล้องกับคำว่า แฟร์เพลย์นี่แหละ แต่รางวัลนี้ไม่ได้ตัดสินจากแค่ว่า จำนวนใบเหลืองใบแดงเท่านั้นนะ

แต่ทาง FIFA เนี่ยเขามีผู้สังเกตการณ์อีกแล้ว ที่จะคอยดูการเล่น ของแต่ละทีมอย่างละเอียดเลยนะ ว่าใครเล่นได้ใสสะอาดที่สุด ในเกมฟุตบอลโลกครั้งนี้ อีกอย่างนึง คือรางวัลนี้จะกำหนดไว้ชัดเจน

ว่าทีมที่มีสิทธิ์ได้รับรางวัลเนี่ยจะเป็น ทีมที่ผ่านจากรอบแรกแล้วเท่านั้น ว่าง่าย ๆ ใครตกรอบแรกอดแหล่ะ และสำหรับสเปนที่ได้ไปเนี่ยนะ FIFA เขาก็มีสถิติให้ดูด้วยว่า ปีนี้เล่นไป 4 เกมทำฟาวล์ไปแค่ 34 ครั้ง ได้ใบเหลือแค่ 2 ใบ แล้วฟีฟ่าก็บอกอีกว่า ถือว่าจะเป็นมีมารยาท ในการเล่นที่น่าพอใจอีกต่างหาก

สำหรับรางวัลที่น่าสนใจอย่าง ทีมยอดเยี่ยมใน Tournament นี้จะมีใครกันบ้าง

ซึ่งรางวัลทีมยอดเยี่ยม ก็จะมีรายชื่อดังต่อไปนี้ สำหรับ Tournament ดังกล่าวก็ได้มี ผู้รักษาประตูหลายคนทีเดียวที่ มีผลงานเข้าตากรรมการ แน่นอนว่าทาง ธิโบต์ กูร์ตัวส์ งั้นได้รับรางวัลถุงมือทองคำไปครอง โดยที่เขานั้นสามารถรักษา ครีมชีตไปได้ถึง 3 นัดทีเดียว

แล้วยังสามารถช่วยเหลือทีม ไว้ได้อีกหลายครั้ง สำหรับแบ็กขวานั้นก็จะเป็น คีแรน ทริปเปียร์ จากทีมชาติอังกฤษ สำหรับเกมส์รักทางริมเส้นนั้น เขาสามารถทำได้ แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง นอกจากนี้แล้ว ก็ยังเติมเกมรุกทางฝั่งขวาได้ดีอย่างมาก และทีเด็ดของเขาก็ดูจะเป็นลูกนิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเตะมุมให้กับเพื่อน แล้วยังรวมถึงการปั่นฟรีคิก เพื่อทำประตูเอง ก็ทำได้ดีไม่ใช่น้อย สำหรับ Center Back นั้น ก็ต้องยกให้กับ ราฟาเอล วาราน จากทีมชาติฝรั่งเศส โดยที่เขานั้นถือได้ว่า เป็นกองหลังที่นับได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทั้งความสูงใหญ่และความแข็งแกร่ง

ฟุตบอลโลก 2018

แล้วยังรวมไปถึงความคล่องตัว อีกทั้งทักษะของการเล่น แล้วก็การอ่านเกมนั้น ก็นับไว้ว่าเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสามารถป้องกันหลังบ้านให้กับทีมชาติ แล้วยังไม่พอเขายังขึ้นไปช่วยโหม่ง เพื่อทำประตูมาแล้วอีกด้วย

มาต่อกันที่ เรื่องราวนักเตะ Center Back อีกคนหนึ่งอย่าง เยร์รี มินา จากทีมชาติโคลัมเบีย โดยที่ในนัดแรกนั้นแพ้กับญี่ปุ่นไป 1-2 ซึ่งในตอนนั้นเอง เขาไม่ได้ลงสนาม นัดต่อมาที่ได้พบกับโปแลนด์ เซเนกัล แล้วก็อังกฤษ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด และในจำนวน 90 นาที ทีมของเขานั้น ไม่เคยแพ้แม้แต่นัดเดียว นอกจากนี้แล้วเขาก็สามารถ ที่จะโหม่งทำประตูได้ถึง 3 ประตูทีเดียว

มาต่อกันที่แบ็คซ้ายอย่าง ลูกาส์ เอร์น็องเดซ เปรียบเสมือนผู้ที่ปิดทองหลังพระทีเดียว โดยที่การโชว์ผลงานในเกมรุกของฝั่งของเขาเองเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก นอกเหนือไปจากนี้แล้วการเติมเกมรุก เพื่อจะเปิดให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ยินนั้นก็สามารถทำได้ดีไม่ใช่น้อย

มาต่อกันที่กองกลางตัวรับ ต้องยกให้กับ เอ็นโกโล ก็องเต จากทีมชาติฝรั่งเศส สำหรับการเก็บกวาดแดนกลางนั้น เขาสามารถที่จะทำได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งตัวเขาเองนั้นวิ่งบ่อยมากและเป็นการวิ่งที่ถูกจังหวะ เนื่องจากการขัดจังหวะของทีมคู่แข่งนั้น เขาทำได้แบบเต็มที่โดยไม่มีเหน็ดเหนื่อย

แล้วติดตาม ฟุตบอลโลก 2022 และเรื่องราวของ ฟุตบอลโลก 2014 ที่เพื่อน ๆ ถามมามากมายเหลือเกินว่า ในครั้งนั้นมีอะไรที่เป็นไฮไลท์ ก็กันต่อในครั้งหน้านะคะ อย่าพลาดล่ะ

เขียนโดย อลิส

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top